ระบบ Video Conference ในยุคไทยแลนด์ 4.0

ในปัจจุบันเทคโนโลยีเริ่มเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในการดำรงชีวิตของคนเรามากขึ้น จากโลกที่ดูกว้างใหญ่กลับเล็กลงไปในถนัดตา เมื่อการสื่อสารที่ไร้พรมแดนไม่ว่าคุณจะอยู่ส่วนไหนของโลกก็สามารถติดต่อสื่อสารกันได้เสมือนว่าอยู่ใกล้กันแค่เอื้อมมือ

จากการติดต่อสื่อสารผ่านนกพิราบ มาสู่ยุคของโทรเลข และหลังจากนั้นได้ปรากฎเทคโนโลยีการสื่อสารรูปแบบใหม่ที่มนุษย์ที่มีชื่อว่า อเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบลล์ (Alexander Graham Bell) ได้คิดค้นการติดต่อสื่อสารผ่านเสียงจากอีกที่นึงไปยังอีกที่นึง ซึ่งในปัจจุบันนี้เราเรียกมันว่า โทรศัพท์ และเมื่อมนุษย์สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ง่ายมากขึ้นด้วยสำเนียงเสียงพูดของเราผ่านโทรศัพท์ให้อีกฝากฝั่งได้ยิน

ยิ่งเมื่อการคิดค้นค้นคว้าได้ถูกพัฒนาขึ้น และการทำธุรกิจที่แผ่ขยายของบริษัทหลายๆ บริษัทที่มีสาขาเครือข่ายออกไปยังที่ต่างๆ ทั่วทุกมุมโลก แน่นอนว่าการประชุมวางแผนทางธุรกิจในการพัฒนาองค์กรไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานของรัฐหรือของเอกชนต่างมีความสำคัญมากขึ้น

เลยมีระบบการประชุมทางไกลเกิดขึ้นและแน่นอนว่าการประชุมนั้นถ้ามีแต่เสียงไม่เห็นภาพคงเป็นการยากที่จะตัดสินใจดำเนินธุรกิจได้อย่างเด็ดขาดรวดเร็ว จึงมีระบบภาพเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งการประชุมทางไกลที่ว่านี้เราเรียกว่า “ระบบวิดีโอคอนเฟอเร้นท์” (Video Conference)

ซึ่งใช้ผ่านระบบเครือข่ายโทรศัพท์ และระบบเครือข่าย IP Network แน่นอนว่าการสื่อสารไปยังจุดหมายปลายทางนั้นต้องเข้ารหัสเชื่อมต่อถึงกันและกัน และเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนจากโทรศัพท์คลื่นความถี่ธรรมดาๆกลับมาเป็นโทรศัพท์อัจฉริยะที่มีชื่อว่า “สมาร์ทโฟน” (Smartphone)

จากการสื่อสารที่มีแต่ระบบส่งข้อความผ่านแอปปลิเคชั่นกลับกลายเป็นการสื่อสารแบบเห็นหน้าเห็นตาที่เรียกว่า วิดีโอคอล (Video Call) ผ่านแอปปลิเคชั่นต่างๆ เช่น Skype, Line, Facebook Masenger ฯลฯ และแน่นอนว่าเมื่อเทคโลโลยีทำให้เราใช้งานง่ายขึ้นมันเลยส่งผลมายังระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ให้สามารถนำแอปปลิเคชั่นเหล่านี้มาใช้กับงานประชุมให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น